วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

วันนี้คุณมีความสุขมั้ย


        วันนี้คุณมีความสุขมั้ย? จงอย่ากังวลกับเรื่องราวของเมื่อวานจนเก็บไปเครียดต่อในวันพรุ่งนี้ จงอยู่กับวันนี้และอิบาดะฮฺต่อพระเจ้าของท่านจนกว่าความตายจะมาหาท่าน

        ถ้าฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับริสกีของวันนี้

        จงปลดปล่อยฉันออกจากความเครียด โอ้ผู้ทรงยินดีเอ๋ย

        ความกังวลของวันพรุ่งนี้ไม่ได้อยู่ในความคิดของฉัน

        เพราะวันพรุ่งนี้มีริสกีใหม่มาพร้อมกับมัน

        ในเมื่อท่านมีน้ำเย็นและขนมปังอยู่ในมือ ทำไมต้องเป็นทุกข์ว่าครั้งหนึ่งท่านเคยดื่มสิ่งที่ขมและเค็ม จงมีความสุขกับวันนี้ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ความแน่วแน่ของท่านและกล่าวแก่ตัวท่านเองว่า ฉันไม่ได้มีชีวิตอยู่มากไปกว่าวันนี้ ดังนั้น ฉันควรทำสิ่งใด? ฉันควรทำให้แต่ละชั่วโมงเต็มไปด้วยผลประโยชน์  ถ้าจะพูดให้ถูกต้องเป็นแต่ละนาทีหรือวินาทีมากกว่า ฉันควรใช้เวลาแต่ละวินาทีกระทำการงานที่ดี ด้วยการบริจาค การยิ้มและการขอดุอาอฺ การอิบาดะฮฺและการเยี่ยมเยือนเครือญาติและเพื่อนพ้องจงปล่อยให้ความวิตกกังวลจากไปทางหน้าต่างและจงปิดหน้าต่างนั้นเสีย

        จงกล่าวกับตนเองว่า ไม่มีเวลาสำหรับความวิตกกังวลอีกแล้ว  การเป็นบ่าวของผู้ทรงสร้างจักรวาล  ผู้ทรงเหนือกว่าทุกสรรพสิ่ง ผู้ทรงอยู่ตลอดกาล ผู้ทรงดูแลและปกป้องทุกสรรพสิ่งถือเป็นการเพียงพอแล้วสำหรับฉัน

         จงกล่าวกับตัวท่านเองว่า ฉันมีน้ำเย็นและเพื่อนมากมาย ฉันมีลิ้นและหัวใจที่สำนึกในบุญคุณและขอบคุณต่อผู้ทรงประทานให้ ฉันต้องใคร่ครวญด้วยความอ่อนน้อมต่อพระองค์ ฉันไม่ได้มีชีวิตอยู่มากไปกว่าวันนี้

         นักกวีได้กล่าวไว้ว่า

         น้ำดื่ม ขนมปังและร่มเงา สิ่งนั้นคือความเมตตาอันใหญ่หลวง

         ฉันคือคนที่อกตัญญูต่อความเมตตาของพระผู้อภิบาลของฉัน ถ้าหากฉันกล่าวว่า ฉันอัตคัดเหลือเกิน

         จงอย่าคอยให้ถึงยามเย็น จงอยู่กับวันนี้และจงบังคับตนเองให้เชื่อฟังพระเจ้าของท่าน จงมุ่งมั่นและจดจ่อในการงานของท่านและจงพยายามรักษาละหมาดซุนนะฮฺ

         จงกล่าวว่า สำหรับวันนี้เท่านั้นที่ฉันจะปรับตัวฉันให้เข้ากับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ฉันจะพึงพอใจในครอบครัวของฉันและความสำเร็จของฉัน วันนี้เท่านั้น ฉันจะให้ความสำคัญกับร่างกายของฉัน ฉันจะให้อาหารแก่มัน เลี้ยงดูมันและทำให้มันรู้สึกดี ฉันจะปล่อยให้ความคิดของฉันได้ใคร่ครวญและเรียนรู้ในสิ่งที่มีประโยชน์แก่ฉัน ฉันจะพยายามปฏิบัติตามผู้เป็นที่รักยิ่งของฉัน(ท่านรอซูลุลลอฮฺ)

         พึงทราบเถิดความคิดเห็นเหล่านี้ส่วนมากมาจากคำสอนของหลักการอิสลาม

         ท่านซอลิฮฺ อัลลุคอมีกล่าวแก่บุตรชายของท่านว่า

         โอ้ลูกเอ๋ย เมื่อวันและคืนผ่านเจ้าไปแต่ศาสนา ร่างกายและทรัพย์สินของเจ้ายังคงปลอดภัยอยู่ จงขอบคุณต่ออัลลอฮฺอย่างมากมายเถิด ผู้คนกี่มากน้อยแล้วที่ต้องหลุดออกจากศาสนา ทรัพย์สมบัติถูกแย่งชิง ชื่อเสียงถูกทำลายและร่างกายที่แข็งแรงกลับอ่อนแอลงภายในวันเดียวกัน

         จงมีความสุขกับชีวิตในวันนี้ โอ้พี่น้องที่รักเอ๋ย ไม่มีใครสามารถให้ความสุขท่านได้หากท่านไม่มีความสุขกับตัวท่านเอง

         โอ้พี่น้องที่รักเอ๋ย จงอย่ากังวลต่อวันพรุ่งนี้ การกังวลต่อวันพรุ่งนี้ไม่ได้ช่วยให้เหตุการณ์ร้ายๆกลับกลายเป็นดีได้ มิหนำซ้ำยังเป็นการทำลายความสุขของวันนี้อีกด้วย

การนอบน้อมถ่อมตนกับบุคคล

การนอบน้อมถ่อมตนกับบุคคล ๓ จำพวก(๒๗)

        แปลและเรียบเรียงโดย อะคีย์ ฟิตยะตุลฮัก

        อัลกิซัยเป็นครูพิเศษของอมีนและมะมูน(ลูกชายสองคนของฮารูน อัรรอชีด(ผู้ปกครองในสมัยนั้น)) วันหนึ่ง ครูพิเศษลุกขึ้นเพื่อกลับที่พักและเด็กผู้ชายทั้งสองคนวิ่งไปยังครูพิเศษของเขาด้วยความเคารพเพื่อยื่นรองเท้าให้ท่านสวม หลังจากโต้แย้งกันครู่หนึ่ง ทั้งสองคนตกลงกันว่า จะยื่นรองเท้าให้ครูของเขาคนละข้าง ดังนั้น ทั้งสองคนจึงได้แสดงความเคารพยกย่องแก่ครูของเขาทั้งคู่ เมื่อฮารูน อัรรอชีดได้ยินเรื่องนี้ เขาจึงไปหากิซัยและถามว่าใครคือคนที่มีเกียรติมากที่สุด?” กิซัยจึงตอบว่าฉันไม่ทราบว่ามีใครอื่นที่มีเกียรติมากกว่าผู้นำของบรรดาผู้ศรัทธาฮารูน อัรรอชีด ตอบกลับไปอย่างทันทีทันใดว่า ไม่ คนที่มีเกียรติมากที่สุดในหมู่ผู้คนคือบุคคลที่คนสองคนได้โต้เถียงกันเพื่อนำรองเท้าไปให้เขาและเพื่อให้รู้สึกพึงพอใจทั้งสองฝ่าย เขาแนะนำให้พวกเขาแบ่งรองเท้ากันคนละข้าง
   
         กิซัยเริ่มมีความกังวลจึงได้อธิบายสิ่งที่เขาได้ทำไป ฮารูนกล่าวว่าถ้าท่านไม่ยอมให้พวกเขายื่นรองเท้าให้ท่านในวันนั้น วันนี้ฉันจะต้องตำหนิฉันอย่างแน่นอน เพราะการกระทำของพวกเขาไม่คู่ควรกับเกียรติยศของพวกเขา ในทางกลับกันสถานะของพวกเขา(คุณธรรมและความดีงาม)กลับได้รับการยกระดับขึ้น  คนเราไม่สามารถถูกทำให้เสียเกียรติได้ หากเขาแสดงความนอบน้อมถ่อมตนต่อบุคคล ๓ จำพวกคือ ผู้นำ ครูบาอาจารย์ และพ่อแม่



สิ่งที่ทำให้ประชาชาตินี้เคยเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์
   
        แปลโดย...อะคีย์ ฟิตยะตุลฮัก
   
        อิซาม อัลอัฏฏอร นักเผยแผ่อิสลามผู้มีชื่อเสียง กล่าวว่าโอ้ผู้ที่คลั่งไคล้ในความเป็นชาติอาหรับ(ชาตินิยม)ทั้งหลาย เราไม่ได้กลายมาเป็นผู้ที่มีอำนาจในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกนี้ด้วยคุณลักษณะหรือแบบอย่างของอบูญะฮัลหรืออบูละฮับแต่ด้วยกับคุณลักษณะหรือแบบอย่างของท่านนบีมุฮัมมัด ท่านอบูบักร ท่านอุมัร....ต่างหากที่ทำให้เราบรรลุสู่ตำแหน่งนั้น เราไม่ได้มีอำนาจปกครองโลกนี้ด้วยบทกวีที่มีชื่อเสียงของอาหรับ แต่เราได้รับอำนาจให้ปกครองโลกนี้ด้วยอัลกุรอ่านอันทรงเกียรติ และเราไม่ได้เผยแผ่สาส์นของลาตและอุซซา แต่เราเผยแผ่สาส์นของอัลลอฮฺผู้ทรงเอกะเท่านั้น



เรื่องราวของอิบนุ ญุดอาน
   
        แปลโดย...อะคีย์ ฟิตยะตุลฮัก
   
        เมื่อเรานึกย้อนกลับไปยุคก่อนหน้าอิสลามในเมืองมักกะฮฺ ชื่อที่จะปรากฏขึ้นมา ได้แก่ อับดุลมุฏฏอลิบ (ปู่ของท่านนบี) หรือ วะรอเกาะฮฺ บิน เนาฟัล แต่ยังมีคนสำคัญอื่นอีกคนหนึ่งที่คนในปัจจุบันอาจจะหลงลืมไป เขาผู้นั้นคืออับดุลลอฮฺ บิน ญุดอานลูกพี่ลูกน้องคนแรกของบิดาของท่านอบูบักร อัศศิดดิก ในช่วงต้นของชีวิต อับดุลลอฮฺ บิน ญุดอาน มีชีวิตที่รันทดและขมขื่น ทั้งอดอยากและยากจน ต้องทนขมขื่นกับชีวิต แทนที่เขาจะอดทนและยอมรับการทดสอบนั้น เขากลับไปกระทำความชั่วมากมาย จนทำให้เขาโดนจับครั้งแล้วครั้งเล่า จนผู้คนต่างเชื่อว่าพฤติกรรมของเขาคงแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว  ทุกคนต่างเกลียดเขา แม้แต่พี่น้องของเขา ครอบครัวของเขาและบิดาของเขาเองก็ต่างเกลียดชังในตัวเขา เขาจึงเกลียดทุกคนเช่นเดียวกัน
   
        วันหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่ท่ามกลางหุบเขาในเมืองมักกะฮฺกำลังครุ่นคิดถึงชีวิตที่ขมขื่นด้วยความเศร้าสลด ทันใดนั้น เขาเหลือบเห็นช่องเล็กๆในภูเขาลูกหนึ่ง บางทีมันอาจจะเป็นทางเข้าถ้ำก็ได้ เขาคิดว่าอาจจะมีสิ่งที่เป็นอันตรายอยู่ข้างใน อาจจะเป็นงูพิษ แต่ความคิดเช่นนั้นไม่สามารถหยุดเขาจากการเดินไปยังภูเขาลูกนั้นได้ แต่มันกลับกระตุ้นให้เขาเดินไปยังที่นั่น เพราะเขาไม่มีความหวังอะไรในชีวิตอีกแล้ว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเขาเองก็อยากจะถูกฆ่าเช่นกันเพื่อให้หลุดพ้นจากความขมขื่นของชีวิต
   
        เมื่อเขาเข้าไปใกล้ปากถ้ำ เขาเห็นโครงร่างผอมๆภายในถ้ำ  ด้วยความมืดของถ้ำ เขาจินตนาการว่าสิ่งนั้นน่าจะเป็นงูในลักษณะที่ชูคอขึ้นมา ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของงูพิษเมื่อมันพร้อมที่จะจู่โจม อับดุลลอฮฺ บิน ญุดอานจึงเกิดความกลัวและเลิกล้มความตั้งใจที่จะอยากตาย เขาจินตนาการว่า งูกำลังเลื้อยมาหาเขา เขาจึงกระโดดอย่างรวดเร็ว พยายามป้องกันตนเองไม่ให้ถูกงูกัด ต่อมา เขาควบคุมสติได้และตระหนักได้ว่า มีเพียงเขาเท่านั้นที่เคลื่อนที่แต่งูตัวนั้นยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมของมัน เขาจึงเดินเข้าไปใกล้มากขึ้น เขาพบว่าเงาดำที่เขาเห็นเป็นเพียงรูปปั้นงูตัวหนึ่งเท่านั้น  โดยรูปปั้นงูตัวนี้ทำมาจากทองคำและดวงตาทั้งสองข้างของมันทำมาจากมรกตที่ล้ำค่า เขาจึงทุบเพื่อเอามรกตออกมา จากนั้น เขาจึงเดินลึกเข้าไปในถ้ำมากขึ้นและจากแผ่นบันทึกที่อยู่รอบๆถ้ำทำให้เขาเข้าใจว่า ถ้ำแห่งนี้คือหลุมฝังศพของบรรดากษัตริย์เผ่าญุรฮุม ข้างหน้าของหลุมศพแต่ละหลุมมีแผ่นหินทองคำซึ่งสลักชื่อกษัตริย์ที่ถูกฝังในหลุมนั้นพร้อมชีวประวัติสั้นๆ รอบๆหลุมฝังศพเหล่านั้นมีคลังสมบัติมากมาย เช่น ทองคำ เงิน ไข่มุก หินที่มีค่าและอื่นๆอีกมากมาย
   
         อับดุลลอฮฺ บิน ญุดอานหยิบสมบัติบางส่วนออกมา เขาได้ทำสัญลักษณ์ไว้ด้านนอกถ้ำเพื่อเขาจะได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากนั้น เขาจึงกลับไปยังกลุ่มชนของเขา เขาเผื่อแผ่ทรัพย์สมบัติที่เขาได้พบเจอมา ให้แก่ครอบครัว เพื่อนฝูงและคนยากจนขัดสน เขาใจบุญเป็นพิเศษในการเรียกผู้คนมารวมตัวกันและบริการอาหารให้แก่พวกเขา เมื่อวันเวลาผ่านไป เขาได้รับเกียรติจากผู้คนในสังคมจนกระทั่งเขากลายเป็นหนึ่งในผู้นำของชาวกุเรช ทุกครั้งที่เงินสะสมร่อยหรอลง เขาจะกลับไปยังถ้ำแห่งนั้นและนำทรัพย์สมบัติบางส่วนออกมา ความใจบุญของเขาส่งไปถึงยังชายแดนของเมืองมักกะฮฺ ครั้งหนึ่ง เมื่อชาวเมืองชามประสบกับความเดือดร้อน อับดุลลอฮฺ บิน ญุดอาน ได้ส่งอูฐจำนวน ๒,๐๐๐ ตัวไปให้พวกเขา แต่ละตัวจะบรรทุก ข้าวสาลี น้ำมันและเสบียงอื่นๆ และทุกค่ำคืน จะมีคนยืนขึ้นบนหลังคาของกะอฺบะฮฺและร้องตะโกนว่า จงมารับอาหารจากอับดุลลอฮฺ บิน ญุดอานกันเถิด
   
          อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดจะดำเนินไปอย่างนั้น แต่ต่อไปนี้คือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเขาซึ่งได้รับการบันทึกไว้ในหนังสือซอฮีฮฺมุสลิม
   
          ท่านหญิงอาอิชะฮฺ รอฎิยัลลอฮุอันฮา ได้ถามท่านรอซูลุลลอฮฺ ว่า แท้จริง อิบนุ ญุดอานเคยให้อาหาร(แก่ผู้คน)และเขาเป็นคนที่มีความโอบอ้อมอารีต่อแขกของเขา สิ่งเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์แก่เขาในวันแห่งการตัดสินตอบแทนหรือไม่?” ท่านรอซูลุลลอฮฺ ตอบว่า ไม่เลย เพราะแท้จริง ไม่มีวันใดเลยที่เขากล่าวว่า โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน ขอพระองค์ทรงอภัยโทษให้แก่ฉันในวันแห่งการตอบแทนด้วยเถิด

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ความขัดแย้งในกระจกที่ฉันเห็น

ในกระจก ฉันเห็น.... ฉัน.. สูงเท่าฉัน 
หน้าเหมือนฉัน.. แต่งตัวเหมือนฉัน 
ยิ้มพร้อมฉัน.. ร้องไห้พร้อมฉัน.... 
...ดูเหมือนว่า เราเหมือนกันมาก 
แต่มือข้างขวาของฉัน... กลับไม่ใช่มือข้างขวาของเขา 
หัวใจข้างซ้ายของฉัน.... กลับอยู่ข้างขวาของเขา 
ฉัน กับ เขา..... เรายังไม่เหมือนกัน ทั้งๆ ที่เขาคือเงาของฉัน 
แล้วจะหวังอะไรกับคนอื่น ให้เหมือนเรา
คนเราเกิดมาย่อมต้องอยู่ในสังคมเริ่มตั้งแต่สังคมขนาดเล็กที่สุดคือครอบครัว และเมื่อเติบโตเราก็เริ่มได้สัมผัสกับสังคมที่ใหญ่ขึ้นในโรงเรียน ในวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเรามีเพื่อนนักเรียนนักศึกษา ในที่ทำงานก็มีเพื่อนร่วมงาน สังคมภายนอกที่ใหญ่ขึ้นกว้างขึ้นตามลำดับ การที่อยู่ในหมู่คนจากหลากหลายที่มา อย่างที่เรียกว่าร้อยพ่อพันแม่ กินไม่เหมือนกัน คิดไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือนกัน ผลประโยชน์ต่างกัน ความขัดแย้งย่อมเกิดขึ้นได้ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ 
จิตใจเอย.. จะสงบได้อย่างไร..! 
เรื่องใหญ่ของเราเป็นเรื่องเล็กของเขา 
เรื่องเล็กของเขา เป็นเรื่องใหญ่ของเรา 
สิ่งที่เขาคิดว่าถูก เรากลับคิดว่าผิด 
สิ่งที่เราคิดว่าผิด เขากลับคิดว่าถูก..! ไม่มีอะไรที่เหมือนกัน 
ความแตกต่างจึงเป็นเรื่องปกติของสังคมมนุษย์

การรังเกียจความขัดแย้งก็ไม่ต่างจากการรังเกียจคราบไคลของเราเอง สิ่งที่ควรทำคือดูว่าจะทำอย่างไรเราถึงจะสามารถใช้ความขัดแย้งนั้นอย่างสร้างสรร ไม่โกรธ ไม่เคือง ต้องใจกว้างยอมรับความจริง เคารพความคิดของทุกคน ภูมิหลังของคนเรา ต่างกัน การศึกษาต่างกัน สมองคนละก้อน แล้วจะให้ใคร ๆ มาคิดเห็นเหมือน ๆ กันได้อย่างไร เตือนตน เตือนใจ เสมอว่าความขัดแย้งเป็นเรื่องของการพัฒนาทางความคิด เป็นความก้าวหน้าขององค์กร.. ของชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษย์หากคิดได้เช่นนี้แล้วความอึดอัด ขัดเคืองจะจางลง ต่างคนต่างก็จะทำงานด้วยความสุข ทุกคนมีอิสรภาพในการพูดเสนอสิ่งที่ตัวเองเห็นและคิด การมองต่างมุมถือเป็นการร่วมมือกันในการทำงานหากทุกคนล้วนมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน โดยต้องสละแล้วซึ่งผลประโยชน์ และทิฐิของตนเอง 
ใจที่เปิดกว้าง ย่อมมีโอกาสเติมเอาประสบการณ์ใหม่ ๆ 
ใจที่คับแคบ ย่อมเป็นประดุจน้ำที่เต็มถ้วย 
ฉลาดหรือโง่ ตนเองเป็นคนลิขิต 
จริง ๆ "ความขัดแย้ง" ไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย 
หากแต่เป็นธรรมชาติของมนุษย์เรา ถ้าเราไม่ถือสา ไม่ขุ่นเคือง 
แต่นำความคิดเห็นทั้งหลายมากลั่นกรองให้เป็นเอกภาพ 
เราก็จะได้ชื่อว่าเป็นคนฉลาด

คนอาภัพนั้นมิใช่คนจนหรือกระยาจก แต่ก็คือ คนที่ทำใจไม่ได้เมื่อมีใครไม่ เห็นด้วยกับความคิดเห็นของตัวเอง อย่าหลงคิดว่าความคิดเห็นของตัวเอง "ถูกต้องที่สุดโดยลืมไปว่าระหว่างสีดำและสีขาวยังมีสีเทาอยู่..! " มัวแต่หลงว่าเมื่อฉันชี้นิ้ว หมายถึงทุกคนต้องเดินตาม แล้วเราจะใหญ่ปานนั้นได้ตลอดไปหรือไม่ ? อย่างจริงจังกับ ความคิดของตัวเองจนเกินไปมิฉะนั้นวันหนึ่งคุณอาจจะกลายเป็น "สุนัขขี้เรื้อน" ที่เป็นแผลอยู่เต็มตัว…..! แม้เพียงแค่ลมพัดผ่านก็คันไปทั้งตัวแล้ว และก็คงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้สุนัขขี้เรื้อน 
เพื่อความสุขสงบและสุขภาพจิตของตนเอง 
เพื่อการทำงานอย่างมีความสุข ทั้งของตัวเองและเพื่อนร่วมงาน 
เพื่อปัญญาและปรีชาญาณที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต ตลอดเวลา 
ขอบอกว่า "อย่ารังเกียจความขัดแย้ง" เลย... เพราะนี่คือ ขุมทรัพย์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม 
เพียงแค่เปิดใจยอมรับ แล้วพากเพียร พยายามฝึกหัดทำใจให้กว้างเท่านั้นเอง..!

อีกสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลากับชิวิตของคนเราคือความสุขและความทุกข์ สุขเพราะได้ในสิ่งที่ต้องการได้ในสิ่งที่รัก และทุกข์เมื่อต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก หรือประสบกับสิ่งที่ไม่รักไม่ชอบไม่ถูกใจก็เป็นทุกข์ คนเราย่อมต้องมีชีวิตทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน วันที่มีกลางวันและกลางคืน เพราะนั้นคือประสบการณ์ที่จะช่วยให้เรามีชีวิตที่แข็งแกร่ง 
ประสบการณ์สร้างสมความฉลาด 
ประสบการณ์เป็นข้อมูลดิบของภาคปฏิบัติ 
ไร้ประสบการณ์ โอกาสฉลาดก็ย่อมหมดไป 
เพราะประสบการณ์ย่อมหมายถึง ความผิดหวัง ความสมหวัง 
หมายถึง...ความสุข และ ความทุกข์ 
หมายถึงการต่อสู้ที่มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา

น่าเสียดายคนที่มีชีวิตจมอยู่ในความสุขมักจะทำให้คนเหล่านั้นลุ่มหลง มัวเมา อ่อนแอ ไม่อดทน การที่คนเราคุ้นเคยและเคยชินกับความสุขจนเกินไป ไม่มีโอกาสเรียนรู้ หรือประสบกับความทุกข์อาจทำให้คนๆ นั้นไม่เข้มแข็ง ไม่อดทน และบ่อยครั้งที่ชีวิตของคนๆ นั้นอาจจะไปไม่รอดเพราะความอ่อนแอทำให้เขามัวแต่วิ่งหนี 
คนที่มัวแต่วิ่งหนีจะไม่มีวันชนะ หากเราเหนื่อยก็จงหยุดพักแต่อย่าหนี 
การเผชิญหน้ากับปัญหานั่นแหละคือหนทางที่จะชนะ



วันหนึ่ง คุณครูไห้นักเรียนเขียนรายงาน 7 สิ่งที่คุณคิดว่า คือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในปัจจุบันนี้ ถึงแม้จะมีบางอย่างที่ไม่เป็นเอกฉัน แต่ก็สามารถสรุปได้ดังนี้
1. ปีรามิคแห่งอียิปต์                     2.ทัชมาฮาล                      3. แกรนแคนยอน
4. คลองปานามา       5.ตึกเอ็มไพรท์สเตท      6.มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์    7. กำแพงเมืองจีน
ขณะนั้น ครูก็สังเกตุเห็นนักเรียนคนหนึ่ง ยังตอบไม่เสร็จสักที จึงถามไปว่ามีปัญหาอะไรหริอเปล่า นักเรียนหญฺงคนนั้นก็ตอบว่า มีนิดหน่อยค่ะ หนูตัดสินใจไม่ถูกเพราะมีมากมายเหลือเกิน คุณครูจึงพูดว่า งั้นลองบอกพวกเราหน่อยสิ ว่าหนูรวบรวมได้อะไรบ้าง เพื่อพวกเราจะได้ช่วยได้ เด็กน้อยรู้สึกรังเรและตอบว่า หนูคิดว่า สิ่งมหัศจรรย์ 7 อย่างของโลกคือ
1. การมองเห็น           2. การได้ยิน              3. การสัมผัส
4. การรู้รส               5 การรู้สึก             6 การหัวเราะ           7.ความรัก
ทั่งทั้งห้องเงียบสงัด ขนาดสามารถได้ยินแม้แต่เสียงเข็มตกสัมผัสพื้น สิ่งมหัสจรรย์ที่สุดที่เรามองข้ามไปนั้นคือ สิ่งที่เรียบง่ายและธรรมดามาก และเพื่อเป็นการเตือนความทรงจำแบบง่ายๆจึงอาจกล่าวได้ว่า สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคนเรานั้น ไม่สามารถสร้างขึ้นด้วยมือ และหาซื้อได้โดยมนุษย์ คือสิ่งมหัศจรรย์

 การที่เราเกิดมาในโลกนี้ และต้องพบกับปัญหา ความหงุดหงิดใจ ความรำคาญใจ ความผิดหวัง ในเรื่องต่างๆ มากมาย และบ่อยครั้งที่เราไม่อยากต่อสู้ เหนื่อยหน่าย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมอยากฝากข้อคิดไว้ว่า 
  • สำหรับเสียงบ่นของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นคนดี เพราะนั่นหมายถึงฉันคือคนที่พ่อแม่รักและห่วงใยที่สุดในโลก
  • สำหรับคนที่เรารักแต่เขาไม่รักเรา เพราะนั่นหมายถึงฉันกำลังได้รับโอกาสในชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
  • สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่บ้านกับฉัน ไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น
  • สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่ เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่บ้าน ไม่ใช่ที่ถนน
  • สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงานปาร์ตี้ เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง
  • สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป เพราะนั่นหมายถึงฉันมีกิน
  • สำหรับเงาที่คอยมองดูฉันทำงาน เพราะนั่นหมายถึงฉันกำลังได้รับแสงแดด
  • สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด เพราะนั่นหมายถึงฉันมีบ้านอยู่
  • สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่
  • สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้นวัน เพราะนั่นหมายถึงฉันยังสามารถทำงานหนักได้
  • สำหรับคำบ่นต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาล เพราะนั่นหมายถึงเรามีอิสระในการแสดงความคิดเห็น
  • สำหรับภาษีที่ต้องเสีย เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ
  • สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้ และฉันมีรถขับ
  • สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่
    และสุดท้าย.......ผมอยากจะฝากไว้ว่า
ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่บนโลกใบนี้ไม่ว่าเราจะต้องประสบกับเหตุการณ์อะไรก็ตาม บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราต้องเศร้าต้องเสียน้ำตา บ่อยครั้งที่เราท้อแท้และหมดกำลัง แต่หากเรารู้จักที่จะมองต่างมุมสำหรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้แล้ว คุณจะเข้าใจว่าทั้งหมดคือของขวัญจากพระเจ้า ที่จะช่วยสอนให้เรารู้จักตนเอง รู้จักที่จะรัก รู้จักที่จะยอมรับกับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ช่วยให้เรายืนได้ด้วยตนเองอย่างมั่นคง ช่วยชี้หนทางที่จะเอาชนะอุปสรรค์ทั้งหลาย และเอาชนะใจตนเอง ดังนั้นจงรู้จักมองโลกในแง่ดีเพื่อให้พวกเราสามารถดำเนินชีวิตไปได้อย่างมีความสุข 




การรักษาฮาร์ดิษให้แข็งแรงเสมอ

10 วิธี ดูแลฮาร์ดดิสก์ ให้มีสุขภาพดีแข็งแรงเหมือน [จขกท]


จัดเป็นข้อควรปฏิบัติที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ที่คุณควรให้ความสำคัญและหมั่นทำเป็นประจำ เราคงไม่ต้องบอกคุณแล้วว่าไวรัสในปัจจุบันนั้นมีฤทธิ ์เดช ร้ายแรงแค่ไหน เอาเป็นว่าให้คุณลองนึกถึงตอนที่ไฟล์ข้อมูลสำคัญในฮา ร์ดดิสก์ถูกทำลายหรือเสียหายเพียงแค่เพราะว่าคุณไม่ไ ด้ติดตั้งโปรแกรมป้องกัน ไวรัสเอาไว้ในเครื่อง หรือใครที่ติดตั้งเอาไว้แล้วก็ไม่ควรชะล่าใจ ลองตรวจสอบวันที่ของฐานข้อมูลไวรัส (Virus Definition) ถ้าเก่า เกินกว่า 30 วัน ก็ควรรีบทำการอัพเดตให้เป็นเวอร์ชันปัจจุบันเพื่อการ ป้องกันที่เต็มประสิทธิภาพ จากนั้นทำการสแกนฮาร์ดดิสก์ทั้งหมดที่ติดตั้งอยู่ในร ะบบ ถ้าเป็นไปได้ แนะนำให้กำหนดตารางเวลาในการสแกนเป็นประจำทุกสัปดาห์


- ปัดกวาดไฟล์หรือขยะที่ไม่ได้ใช้

ยิ่งใช้งานเครื่องมานานเท่าใด ไฟล์ข้อมูลเก่าๆ หรือขยะในเครื่องก็จะเพิ่มพูนมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ข้อมูลเก่า โปรแกรมเก่า ไฟล์ชั่วคราว ที่หลงเหลือจากการท่องอินเทอร์เน็ตรวมทั้งไฟล์ที่ตกค ้างจากการติดตั้งโปรแกรมในโฟลเดอร์เก็บไฟล์ชั่วคราวข องวินโดว์ส ซึ่งวิธีการง่ายๆ ในการ กำจัดไฟล์ขยะเหล่า นี้ก็คือการใช้ยูทิลิตี้ Disk Cleanup ของวินโดว์สหรือจากออปชันทำความสะอาดไฟล์ในโปรแกรม IE โดยตรง (Tools -> Internet Options)


- กำจัดขยะในซอกหลืบ

แม้ว่าคุณจะทำการลบไฟล์ขยะด้วยตัวเองไปแล้ว แต่ก็ยังอาจมีเศษขยะที่มองไม่เห็นตกค้างอยู่ในฮาร์ดด ิสก์ของคุณอีกมากมาย โดยเศษขยะในที่นี้ หมายถึงบรรดา สปายแวร์หรือแอดแวร์ต่างๆ ด้วย ซึ่งวิธีการตรวจสอบหาขยะเหล่านี้จำเป็นต้องใช้เครื่อ งมือพิเศษคือโปรแกรมอย่างเช่น Ad-aware หรือ Spybot Search & Destroy ที่หาดาวน์โหลดได้ฟรีจากอินเทอร์เน็ต ที่สำคัญคืออย่าลืมอัพเดตฐานข้อมูลให้กับโปรแกรมดังก ล่าวก่อนเริ่ม ทำการสแกนระบบด้วย


- หมั่นใช้สแกนดิสก์
เมื่อใดก็ตามที่พื้นที่เก็บข้อมูลในฮาร์ดดิสก์เกิดบก พร่องเสียหาย เรามักจะใช้คำแทนจุดบกพร่องนั้นๆ ว่า “Bad Sector” ซึ่งมีความหมายว่า บริเวณพื้นผิวของจาน แม่เหล็กเกิดความเสียหายจนไม่สามารถทำการอ่านข้อมูลไ ด้ ซึ่งวิธีการแก้ไขนั้นคือการใช้ยูทิลิตี้ Scandisk ของวินโดว์ส ในการตรวจสอบหาจุดที่เกิด Bad Sector และย้ายข้อมูลที่อยู่ในบริเวณนั้นๆ ไปยังเซกเตอร์อื่นๆ ที่ปกติทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของไฟล์ข้อมูล โดยในหน้าต่างยูทิลิตี้ Scandisk นั้นให้คุณเลือกออปชัน Scan for and attempt recovery of bad sectors ด้วยก่อนเริ่มทำการสแกน นอกจากนี้หากคุณใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 98/Me แนะนำให้ปิดการทำงาน ของสกรีนเซฟเวอร์ก่อนเริ่ม Scandisk ด้วย


- จัดเรียงข้อมูลให้เป็นระเบียบ

โปรแกรม Defragmenter ที่ไม่ต้องเสียเวลาหาให้ไกลเพราะมีอยู่ในวินโดว์สทุก เวอร์ชันแล้วนั้นจะช่วยในการจัดเรียงข้อมูลที่ถูกเขี ยนลงฮาร์ดดิสก์ อย่างสะเปะสะปะ ให้มีระเบียบและเป็นชิ้นเป็นอันมากขึ้น ทั้งนี้ก็เพื่อให้หัวอ่านฮาร์ดดิสก์ไม่ต้องทำงานหนัก และใช้เวลาในการอ่านข้อมูลสั้นลง และโปรดอย่าเข้าใจผิดคิดว่าโปรแกรม จะจับไฟล์ในโฟลเดอร์ของคุณไปสลับสับเปลี่ยนหรือเรียง ไว้ในโฟลเดอร์อื่นๆ จนหาไม่เจอ เพราะการ Defrag นั้นจะทำการจัดเรียงไฟล์ข้อมูลบนดิสก์เท่านั้นไม่ส่ง ผล กระทบต่อโครงสร้างการเก็บไฟล์ในวินโดว์สแต่อย่างใด


- เก็บทุกอย่างให้เข้าที่
ขั้นตอนนี้จะเรียกว่าเป็นวินัยส่วนตัวก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นลิ้นชักตู้เสื้อผ้าหรือฮาร์ดดิสก์ก ็ล้วนต้องการระบบระเบียบในการจัดเก็บที่ดีด้วยกันทั้ งนั้น ฟังดูอาจเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่ถ้าฝึกให้เป็นนิสัยตั้งแต่แรกก็แทบจะไม่ต้องทำอะไ รเลย ส่วนใครที่ยังเก็บไฟล์ทุกชนิดทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร ไฟล์รูปภาพ ไฟล์วิดีโอ ไฟล์เพลง ฯลฯ ปนกันมั่วไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องปวดหัวในการค้นหาไฟล์เมื่ อต้องการใช้งานให้ดี แต่ถ้าไม่อยากก็สละเวลาจัดการจัดไฟล์ลงโฟลเดอร์ให้เร ียบร้อยเสียตั้งแต่วันนี้


- แบ็กอัพข้อมูล

ไม่มีฮาร์ดดิสก์รุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่จะมีอายุยืนยาวอยู่กับคุณไปตลอดกาล แต่ถึงแม้ในที่สุดฮาร์ดดิสก์ของคุณจะหมดอายุขัย ก็ไม่ได้หมายความว่าข้อมูล ทั้งหมดที่เก็บอยู่ในนั้นจะสูญหายไปด้วย เพียงแต่สิ่งที่คุณควรต้องหมั่นทำเป็นกิจวัตรก็คือกา รแบ็กอัพไฟล์ข้อมูลสำคัญๆ เก็บไว้ในฟล๊อบปี้ดิสก์ แผ่นซีดี ดีวีดี หรืออื่นๆ ที่ไม่ใช่ฮาร์ดดิสก์ตัวที่ใช้งานอยู่ หรือถ้าที่กล่าวมานั้นมันยุ่งยากหรือทำให้คุณลำบากเก ินไป แนะนำให้ใช้ทัมป์ไดรฟ์ที่ปัจจุบันมีราคา แสนถูก และถ้าไม่ลำบากเงินในกระเป๋าจนเกินไปเลือกรุ่นที่จุ 128MB ขึ้นไปจะดีมาก


- เทขยะอย่าให้เหลือไฟล์ตกค้าง
เมื่อคุณกดปุ่ม Delete เพื่อลบไฟล์ ซึ่งในทางปฏิบัติดูเหมือนว่าไฟล์ข้อมูลของคุณจะถูกลบ ออกไป แต่ในทางทฤษฎีนั้นไฟล์ของคุณจะยังไม่ถูกลบ ออก ไปจริงๆ เพียงแต่วินโดว์สจะทำเครื่องหมายไว้ในพื้นที่ส่วนนั้ นๆ ว่าเป็นที่ว่างและเมื่อใดที่มีการเขียนไฟล์ข้อมูลก็ส ามารถเขียนทับตำแหน่งนั้นๆ ได้ นอกจากนี้วินโดว์สจะนำไฟล์ที่คุณลบไปใส่ไว้ในถังขยะ (Recycle Bin) เผื่อกรณีที่คุณเกิดเปลี่ยนใจหรือตัดสินใจพลาด หากใครช่างสังเกตจะพบว่า แม้จะลบไฟล์ข้อมูลไปแล้วแต่พื้นที่ว่างในอาร์ดดิสก์น ั้นไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งนี้ก็เพราะข้อมูลนั้นๆ ยังนอนรอชะตากรรมอยู่ในถังขยะ (Recycle Bin) นั่นเอง ดังนั้นหากคุณมั่นใจว่าไม่ใช้งานแล้ว หรือไม่ต้องการให้ใครมาแอบคุ้ยถังขยะเอาข้อมูลส่วนตั วของคุณไป แนะให้คลิกขวาที่ไอคอน Recycle Bin แล้วเลือกคำสั่ง Empty Recycle Bin เพื่อกำจัดขยะในถังให้สิ้นซาก


- แบ่งพาร์ทิชันเพื่อเก็บข้อมูล
ฮาร์ดดิสก์โดยทั่วไปที่ออกมาจากโรงงานนั้นจะไม่มีการ แบ่งพาร์ทิชันเอาไว้ หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือซื้อ 80GB ก็จะได้ไดรฟ์ C: ความจุ 80GB มาใช้งาน แต่ถ้าจะให้ดี แนะนำให้คุณทำการแบ่งฮาร์ดดิสก์ออกเป็นส่วนๆ หรือที่เรียกว่าการแบ่งพาร์ทิชันนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ฮาร์ดดิสก์ 80GB นำมาแบ่งเป็น 2 พาร์ทิชัน พาร์ทิชันละ 40GB ซึ่งคุณก็จะได้ไดรฟ์มาใช้งาน 2 ไดรฟ์คือไดรฟ์ C: และไดรฟ์ D: ซึ่งการแบ่งพาร์ทิชันนอกจากจะช่วย ลดภาระของหัวอ่านและเพิ่มความเร็วในการทำงานของฮาร์ด ดิสก์แล้ว คุณยังสามารถแยกไฟล์สำคัญๆ มาเก็บไว้ในไดรฟ์แยกต่างหากจากไดรฟ์ที่ติดตั้ง วินโดว์สซึ่งอาจโดนไวรัสเล่นงานจนเสียหายได้อีกด้วย ซึ่งการแบ่งพาร์ทิชันนั้นคุณสามารถทำได้ในขณะที่ติดต ั้ง Windows XP เลย แต่ถ้าไม่ได้ทำ ก็ไม่เป็นไรเพราะปัจจุบันมีโปรแกรมสำหรับการนี้มากมา ยซึ่งที่นิยมใช้กันมากที่สุดได้แก่โปรแกรม Partition Magic


- เลือกความเร็วให้เหมาะกับงาน
วิธีการที่ผ่านมานั้นสามารถช่วยให้ฮาร์ดดิสก์ของคุณส ามารถทำงานได้เร็วขึ้นได้อีกเล็กน้อย อย่างไรก็ดี หากคุณกำลังมองหาหรือตัดสินใจซื้อฮาร์ดดิสก์ ใหม่ แนะนำให้พิจารณาเลือกรุ่นความเร็วที่เหมาะสมกับลักษณ ะงานที่คุณต้องการใช้งาน เช่น เลือกรุ่นที่มีความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็ก 5,400 RPM (รอบ/นาที) ที่มีราคาถูกถ้าคุณใช้เพียงโปรแกรมทั่วๆ ไปเช่น เล่นอินเทอร์เน็ต รับ-ส่งอีเมล์ หรือพิมพ์งานด้วยโปรแกรมเวิร์ด หรือถ้างานของคุณ เกี่ยวกับการตกแต่งภาพถ่าย เล่นเกม ก็อาจเลือกซื้อรุ่น 7200 RPM หรืออาจจะเป็น 10,000 RPM เลยก็ได้หากทำงานประเภทตัดต่อวิดีโอเป็นหลัก ซึ่งฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วในการหมุนจานแม่เหล็กสูง และมีขนาดของแคชภายในมากจะช่วยเพิ่มความเร็วในการทำง านให้กับคุณมากยิ่งขึ้น

และที่ลืมไม่ได้คือ แมลงสาป มันเป็นภัยคุกคามของผู้ที่ขี้เกียจ